วันพุธที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2553

การรู้จักอัลเลาะห์นับเป็นความรู้ที่ยิ่งใหญ่และ สูงส่งเป็นรากฐานของจิตวิญญาณทั้งหมด








การรู้จักอัลเลาะห์นับเป็นความรู้ที่ยิ่งใหญ่และสูงส่งเป็นรากฐานของจิต วิญญาณทั้งหมด

จาก การรู้จักอัลเลาะห์ ทำให้รู้จัก นบี และศาสนทูตตลอดจนหน้าที่ คุณลักษณะ และความอยู่เหนือความผิดของพวกเขา และทำให้รู้ถึงความจำเป็นในการมีศาสนทูตและสิ่งที่ผูกพันอยู่กับหน้าที่ของ พวกเขา อาทิเช่น มัวะอฺยิซะห์ วิลายะห์ กะรอมะห์ และคัมภีร์ที่มาจากเบื้องบน

และจากการรู้จักอัลเลาะห์จะทำให้แตกแขนงไปสู่การรู้จักกับโลกเหนือธรรมชาติ อาทิเช่น มาลาอิกะห์ ญิน และวิญญาณ

และ จากการรู้จักอัลเลาะห์จะทำให้ได้รับรู้เส้นทางการดำเนินชีวิตนี้ และสิ่งที่ชีวิตต้องเผชิญเมื่อสิ้นสภาพจากโลกนี้ อันได้แก่ ชีวิตในบัรซัค และชีวิตในอาคิเราะห์ ซึ่งจะมีทั้งกาชุบชีวิตขึ้นใหม่การสอบสวนผลบุญ การลงโทษ สวรรค์และนรก

สื่อที่จะใช้ทำความรู้จักอัล เลาะห์

สื่อที่รู้จักอัลเลาะห์มีสองทาง

หนึ่ง : สติปัญญาและการพิจารณาสรรพสิ่งที่อัลเลาะห์ทรงสร้าง
สอง : รู้พระนามและคุณลักษณะของพระองค์

ดังนั้นด้วยสติปัญญาด้านหนึ่ง และรู้จักพระนามและคุณลักษณะด้านหนึ่ง ที่จะทำให้มนุษย์รู้จักพระเจ้าของตนและเป็นสื่อชี้นำสู่พระองค์
และให้เราเข้าไปสัมผัสกับสื่อทั้งสองดังต่อไปนี้

การรู้จักโดยใช้สติปัญญา

ทุกอวัยวะ ของมนุษย์ล้วนมีบทบาทและหน้าที่เฉพาะของมัน และหน้าที่ของสติปัญญาก็คือ การไตร่ตรอง ใคร่ครวญ พินิจพิจารณา และเมื่อพลังนี้ใช้การไม่ได้การทำงานของสติปัญญาก็จะใช้การไม่ได้ด้วยและสูญ เสียหน้าที่สำคัญของมันไป และผลที่จะติดตามก็คือ ความดิ้นรนของชีวิตจะหยุดชะงักลง อันเป็นสาเหตุของความเฉื่อยชา ความตายและความสูญสิ้น อิสลามประสงคืให้สติปัญญาหลุดพ้นจากพันธนาการ และหายจากอาการเซื่องซึม จึงได้เชิญชวนให้ใช้สติปัญญาไปในการพินิจพิจารณา ใคร่ครวญ และตรึกตรอง และนับการกระทำเช่นนั้นว่าเป็นเนื้อแท้ของอิบาดะห์

"จงประกาสเถิดว่า พวกเจ้าจงพิจารณาดูว่ามีอะไรในชั้นฟ้าและแผ่นดิน" (ยูนุส 101)

"จง ประกาศเถิด ที่จริงฉันขอสั่งสอนพวกท่านเพียงประการเดียว นั่นคือให้พวกท่านยืนขึ้นเพื่ออัลเลาะห์ครั้งละสองคน และครั้งละหนึ่งคน จากนั้นให้พวกท่านพิจารณาใคร่ครวญ" (สะบะอฺ46)

พวกที่ปฏิเสธคุณค่า ของสติปัญญา และไม่นำสติปัญญา ไปใช้ตามที่มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการนั้น แลไม่ใส่ใจต่อสัญลักษณ์ต่างๆ ของอัลเลาะห์ พวกเขาเป็นพวกที่ต่ำต่อยและถูกดูหมิ่น อัลเลาะห์ตาอาลาได้ประนามพวกเขาว่า

"มีสัญลักษณ์มากมายในชั้นฟ้าและแผ่นดินที่พวกเขาผ่านพบ โดยพวกเขาเมินหนี้" (ยูซุฟ 105)

"ไม่มีสัญลักษณ์ใดจากสัญลักษณ์ต่างๆ ของพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขาได้มาสู้พวกเขา นอกเหนือจากพวกเขาเบือนหน้าหนี" (ยาซีน 46 )

การ ไม่นำสติปัญญไปใช้ตามหน้าที่ของมัน จะฉุดให้มนุษย์ตกต่ำลงยิ่งกว่ามาตรฐานของสัตว์ และเป็นสิ่งขวางกั้นระหว่างคนในยุคโบราณ กับการบรรลุสู่ข้อเท็จจริงต่างๆ
ที่มีอยู่ในตัวเองและในจักรวาล อัลเลาะฮ์ตาอาลาตรัสว่า

"และ ความจริงเราได้ให้ญินและมนุษย์ส่วนใหญ่เข้านรกยะฮันนัม พวกเขามีใจที่ไม่ใช้ไตร่ตรอง มีหู้ที่ไม่ใช้รับฟัง มีดวงตาที่ไม่ใช้มองดู พวกเขาเหมือสัตว์ แต่หลงผิดยิ่งกว่า พวกเขาเป็นพวกที่ไม่ใส่ใจ" (อัลอะอฺรอฟ 179)

การเชื่อตามกันเป็นม่าบดบัง สติปัญญา

การ เ ชื่อตามกันเป็นเหมือนกำแพงปิดกั้นสติปัญญาไม่ให้ลื่นไหล และเป็นอุปสรรคในการใช้วามคิด ด้วยเหตุนี้อัลเลาะห์ตาอาลาจึงชมเชยพวกที่เข้าถึงข้อเท็จจริง
และแยกแยะสิ่งต่างๆ ได้ ภายหลังจากได้ค้นคว้า และตรวจสอบแล้ว พวกเขาจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดไว้

"เจ้า จงแจ้งข่าวดีแก่บ่าวของเราที่พวกเขาสตรัปถ้อยคำและทำตามถ้อยคำที่ดีที่สุด พวกเขาเป็นพวกที่อัลเลาะห์ชี้ทางนำให้ และเป็นพวกที่มีสติปัญญา" (อัซซุมัร 17-18 )

และพระองค์ทรงประณามพวกที่เชื่อตามๆ กัน โโยไม่พินิจพิเคราะห์ ใช้แต่ความคิดของผู้อื่น ติดยึดอยู่กับสิ่งที่เคยชินมาแต่เดิม แม้ว่าของใหม่จะดีกว่าและถุกต้องกว่าก็ตาม

"และเมื่อมีผู้กล่าวแก่ พวกเขาว่า พวกเจ้าจงปฏิบัติตามสิ่งอัลเลาะห์ได้ประทานลงมา พวกเขากล่าวว่า แต่เราจะปฏิบัติตามสิ่งที่เราพบบรรพบุรุษของเรายึดถืออยู่
แม้ว่าบรรพบุรุษของเขาจะไม่รู้อะไรเลยและไม่ได้รับการชี้นำกระนั้นหรือ (บะกอเราะห์ 171)

ที่มา http://www.sunnahstudent.com/forum/index.php?topic=4024.msg72725;topicseen#new

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น